ช่วงนี้ใครตามทองคำ (XAUUSD) คงรู้สึกว่าตลาดท้าทายมาก เพราะราคายังยืนสูงกว่า 4,200 ได้แบบสบายๆ แต่ในระหว่างวันก็เหวี่ยงขึ้นลงจนแทบจะเรียกได้ว่า “ใจสั่นเป็นจังหวะร็อก” ความผันผวนนี้มาจากทั้งแรงหนุนทางเทคนิค และแรงต้านจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังจะออก รวมทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังคุกรุ่นทั่วโลก บทความฉบับเต็ม 1,000 คำนี้จะชวนสายทองมามองภาพรวมกันแบบง่ายๆ ตั้งแต่ภาพใหญ่ในกราฟวัน ไปจนถึงจังหวะเข้าทำในกราฟ 1 ชั่วโมง พร้อมเจาะลึกแนวรับ–แนวต้านสำคัญ และเทคนิคการวางแผนเทรดแบบภาษาคนกันเองๆ ที่ช่วยให้เราอยู่รอดในตลาดได้
1. มองภาพใหญ่: เทรนด์หลักยังเป็น “ขาขึ้น” ที่แข็งแกร่ง
ถ้าลองเปิดกราฟรายวัน (1D) ดูแบบไม่ใส่อคติ จะเห็นว่าการเดินทางของทองคำจากโซนฐานแถวๆ 3,900 ขึ้นมาแตะ 4,400+ แล้วย่อลงมาพักบริเวณ 4,200 นั้น ยังถือว่าสวยงามมาก รูปแบบแท่งเทียนที่เห็นคือแท่งเขียวใหญ่ๆ ขึ้นนำ ตามด้วยการพักตัวแบบไม่รีบเร่ง รูปแบบนี้บ่งบอกชัดเจนว่าเทรนด์หลักยังไม่พัง แต่กำลังสะสมแรงเพื่อไปต่อ
- อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิค:
- MACD รายวัน (สำหรับคนชอบวัดแรง) ยังคงอยู่ฝั่งบวกชัดเจน แสดงว่าแรงขับเคลื่อนยังอยู่กับฝั่งขึ้น
- RSI (เครื่องมือวัดความเร็ว) ยังอยู่ในโซนที่เรียกได้ว่า “วิ่งได้อีก” ไม่ได้เข้าเขตซื้อมากเกินไปจนต้องรีบขายทิ้ง
- สรุปง่ายๆ: ณ เวลานี้ ทองคำอยู่ในโหมด “พักบนฐานใหม่” ไม่ใช่สัญญาณของการกลับตัวลงจริงจัง
2. ซูมอินกราฟ 4H: พักฐานสวยๆ บนแนวต้านเก่า
กราฟ 4 ชั่วโมง หรือ 4H ช่วยให้เราเห็นรายละเอียดของจังหวะพักตัวได้ชัดขึ้น ทองกำลังแกว่งตัวในกรอบสำคัญประมาณ 4,160 – 4,280 ซึ่งถือเป็นโซนที่น่าสนใจมาก
- โครงสร้างราคา: ราคาทำรูปแบบ Higher Low (จุดต่ำสุดยกสูงขึ้นเรื่อยๆ) ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเทรนด์ขาขึ้นที่กำลังไปต่อ
- การเรียงตัวของเส้นค่าเฉลี่ย (EMA): ถ้าใครใช้ EMA 20 / 50 / 200 จะเห็นการเรียงตัวในลักษณะขาขึ้นที่แข็งแรง (ราคาอยู่เหนือ EMA ทุกเส้น และ EMA สั้นอยู่เหนือ EMA ยาว)
- ความสำคัญของโซน 4,160: โซนนี้เคยเป็นแนวต้านสำคัญในอดีต แต่เมื่อราคาทะลุขึ้นไปยืนได้สำเร็จ ตอนนี้มันได้เปลี่ยนบทบาทกลายเป็น “แนวรับที่แข็งแกร่ง” แทน ถ้าฐานนี้เอาอยู่ โอกาสทำ High ใหม่มีสูงมาก
3. กราฟ 1H: Sideway รอตลาดเลือกข้าง
ในขณะที่กราฟใหญ่ดูดี กราฟ 1 ชั่วโมง หรือ 1H กลับเห็นการแกว่งตัวในกรอบที่แคบลงมาก ประมาณ 4,220–4,230 คล้ายตลาดกำลัง “ยึกยัก” หรือ “รอคำสั่ง”
- สภาพตลาด: แท่งเทียนมีขนาดเล็กลง ราคาแกว่งตัด EMA20 ไปมา แต่ยังเกาะอยู่เหนือ EMA50
- ผลกระทบ: ทำให้ช่วงสั้นๆ นี้เป็น sideway เหมาะกับสายที่ชอบเก็งกำไรเร็วๆ (Scalp) ในกรอบแคบ แต่ต้องยอมรับว่ามีโอกาสโดนราคากระชากหลอกกินจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ได้ง่ายมาก
- สรุปภาพรวม 3 TF: เทรนด์ใหญ่ยังขึ้น, ระยะกลางกำลังพักฐาน, ระยะสั้นรอข่าวเพื่อตัดสินใจ
4. แนวรับ–แนวต้าน และโซนสำคัญที่ห้ามพลาด
เพื่อความง่ายในการวางแผนเทรด ลองดูตารางโซนราคาเหล่านี้ไว้เป็นไกด์ไลน์ (เป็นตัวเลขประมาณ ไม่ใช่ราคาสุดเป๊ะ)
| ประเภทโซนราคา | โซนราคา (โดยประมาณ) | บทบาทและความสำคัญ |
| R2 (ต้านสำคัญ) | 4,275 – 4,290 | แนวต้านสำคัญในกราฟ 4H เป็นขอบบนของกรอบพักตัว ถ้าผ่านได้คือการยืนยันการขึ้นรอบใหม่ |
| R1 (ต้านย่อย) | 4,245 – 4,255 | แนวต้านที่ใกล้ที่สุดในกรอบ Sideway สั้นๆ |
| Pivot Zone | 4,215 – 4,235 | โซนกลางที่ราคาแกว่ง ถ้าหลุดลงมาแสดงว่าแรงเริ่มอ่อน |
| S1 (รับย่อย) | 4,185 – 4,195 | ฐานย่อยที่ทดสอบบ่อย ถ้าดีดกลับบ่อยๆ แสดงว่ารับอยู่ |
| S2 (รับหลัก) | 4,160 – 4,170 | ฐานหลักของรอบพักตัว ถ้าหลุดโซนนี้ลงไปเมื่อไหร่ คือสัญญาณเตือนว่าเทรนด์หลักกำลังถูกท้าทาย |
แนวคิดสำคัญ: ตราบใดที่ราคายังคงเคารพโซน S1–S2 เทรนด์ใหญ่ยังคงสวยงามน่าจับตา แต่ถ้ามีแท่งเทียนใหญ่ๆ ปิดต่ำกว่า S2 ต้องเริ่มคิดเรื่องลดความเสี่ยงหรือปรับแผนเป็น “พักเกม” ทันที
5. ข่าวสหรัฐและสงคราม: 2 ตัวแปรหลักที่กระชากตลาด
ตลาดทองคำยุคนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยปัจจัยทางเทคนิคอย่างเดียว แต่โดน “ข่าว” เข้ามาเป็นตัวปั่นอารมณ์ตลาดหลักๆ ถึงสองด้าน
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ: ข่าวสำคัญอย่างตัวเลข เงินเฟ้อ (CPI), การจ้างงาน, และค่าใช้จ่ายผู้บริโภค คือตัวกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
- เวลาอันตราย: 20:30–22:30 น. ตามเวลาประเทศไทย มักเป็นช่วงที่ทองคำสวิงทีละหลายสิบเหรียญ
- ผลกระทบ: ถ้าตัวเลขออกมาอ่อนแอ (เช่น เงินเฟ้อลดลง) มักจะหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น เพราะนักลงทุนมองว่า Fed อาจผ่อนคลายความเข้มงวดได้เร็วขึ้น
- สถานการณ์ความขัดแย้ง: ข่าวสงครามระหว่าง ยูเครน–รัสเซีย และความตึงเครียดใน ตะวันออกกลาง (อิสราเอล–กาซา) ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ทองคำถูกมองเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย”
- ดีมานด์ระยะยาว: ธนาคารกลางของหลายประเทศยังคงสะสมทองคำเพิ่มเพื่อลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดีมานด์ทองคำในระยะกลางถึงยาวยังคงแข็งแกร่ง
สรุป: ทองคำมีปัจจัยพื้นฐานช่วยพยุงในระยะยาว แต่ในระยะสั้นอาจถูกแรงเหวี่ยงจากข่าวเข้ามากระชากกราฟ จึงต้องมีแผนควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
6. ไอเดียวางแผนเทรด: เล่นตามเทรนด์หรือเก็งในกรอบ
- สายตามเทรนด์ขาขึ้น (เน้นเล่นตามน้ำ):
- จังหวะเข้า: รอจังหวะย่อลงมาใกล้ๆ แนวรับสำคัญ เช่น S1 (4,185–4,195) หรือ S2 (4,160–4,170) เพื่อเข้า “เก็งกำไร” ตามทิศทางหลัก
- จุดหนี (SL): ตั้งไว้ใต้แนวรับหลักที่รับไม่ได้ เช่น ต่ำกว่า 4,115
- เป้ากำไร (TP): แบ่งเป็นขั้น เริ่มจาก R1 แล้วลุ้นไปต่อที่ R2
- ข้อดี: เล่นตามเทรนด์ใหญ่ โอกาสทำกำไรมีมากกว่าการสวนตลาด
- สายเล่นเด้งในกรอบ (เน้นระยะสั้น):
- จังหวะเข้า: เมื่อราคาขึ้นไปใกล้ R1 หรือ R2 แล้วเริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแรง เช่น แท่งเทียนกลับตัว อาจ “เก็งกำไรระยะสั้น” สวนลงมา
- ข้อควรระวัง: วิธีนี้ต้องเคร่งวินัยและไวมาก เพราะเป็นการสวนเทรนด์หลัก ถ้าพลาดอาจโดนลากพอร์ตหนักได้
ไม่ว่าจะเลือกแผนไหน สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ก่อนว่าเรายอมแพ้ตรงไหน แล้วคำนวณขนาดออเดอร์ (Lot Size) ให้เหมาะสมกับเงินทุน เพื่อให้พอร์ตอยู่รอดได้ในระยะยาว
7. ทริคเอาตัวรอดในตลาดที่เต็มไปด้วยความผันผวน
- เช็กปฏิทินข่าว: การขาดทุนบ่อยครั้งไม่ได้มาจากการวิเคราะห์ผิด แต่มาจากไม่รู้ว่ามีข่าวสำคัญออกพอดี ทำให้ราคากระชากเกินขอบเขตที่คำนวณไว้
- แบ่งไม้เข้า: แทนที่จะกดไม้เดียวเต็ม Max Lot ลองแบ่งเป็น 2–3 ส่วน เพื่อให้สามารถทยอยปิดทำกำไร หรือเพิ่มไม้ตามแผนได้อย่างยืดหยุ่น
- ห้ามเลื่อนจุดหนี: เมื่อตั้งจุดหยุดขาดทุนแล้ว ห้ามเลื่อนหนีเด็ดขาด เพราะการเลื่อน SL ลงไปเรื่อยๆ คือทางลัดสู่การล้างพอร์ต
- เข้าใจว่าต้องมีไม้แพ้: ไม่มีใครถูก 100% แต่เราต้องมั่นใจว่าเวลาถูกจะได้กำไรมากกว่าเวลาผิด (Risk/Reward Ratio ดี)
8. ข้อคิดปิดท้าย: รักษาทุนให้ดีที่สุด
- ตลาดไม่ได้บังคับให้เราเข้าทำทุกครั้ง เราเป็นคนตัดสินใจกดปุ่มเอง เลือกเฉพาะจังหวะที่มั่นใจและตรงกับแผนเท่านั้น
- ในโลกของการเก็งกำไร คนที่เก่งที่สุดไม่ใช่คนที่วิเคราะห์แม่นที่สุด แต่คือคนที่ “บริหารเงินทุนได้ดีที่สุด” และ “รักษาทุนได้นานที่สุด”
- อย่าปล่อยให้การแกว่งของกราฟ 1 นาที มาทำลายแผนที่วางจากกราฟวัน ถ้าภาพใหญ่ยังดี การย่อตัวระยะสั้นๆ ก็เป็นแค่โอกาสในการหาจังหวะเข้าทำ
ถ้าช่วงนี้คุณรู้สึกว่าตลาดทองผันผวนจนเริ่มเครียด ลองลดขนาดออเดอร์ลง หายใจลึกๆ แล้วทบทวนแผนดูใหม่ การจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น อาจจะเปลี่ยนผลลัพธ์ของพอร์ตได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ
FAQ: คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q1: ทำไมช่วง 20:30–22:30 น. ตามเวลาไทย ราคาทองมักจะสวิงแรงผิดปกติ?
A1: เป็นช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์และตลาดฟิวเจอร์สในสหรัฐอเมริกาเปิดทำการ และตรงกับช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI) หรือ ตัวเลขการจ้างงาน นักลงทุนทั่วโลกใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการประเมินทิศทางดอกเบี้ยของ Fed ถ้าตัวเลขออกมาเซอร์ไพรส์ตลาด เงินจำนวนมหาศาลจะไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาทองเคลื่อนไหวแบบกระชากภายในเวลาไม่กี่นาที
Q2: มือใหม่เพิ่งเริ่มเทรดทอง ควรเริ่มโฟกัสกราฟ (TF) ไหนก่อนดี?
A2: ควรเริ่มดูจาก กราฟรายวัน (1D) ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อทำความเข้าใจทิศทาง (เทรนด์) หลักของตลาด จากนั้นค่อยซูมลงมาดูกราฟ 4 ชั่วโมง (4H) เพื่อหาแนวรับ-แนวต้านหลัก และสุดท้ายใช้กราฟ 1 ชั่วโมง (1H) เพื่อหาจุดเข้า-ออกที่ละเอียดขึ้น ถ้าเริ่มต้นจากกราฟเล็กๆ อย่าง 1 นาที หรือ 5 นาที เลย จะเจอสัญญาณหลอกเยอะมากและทำให้วางแผนได้ยากครับ
Q3: จะรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังเสี่ยงเงินมากเกินไปในแต่ละออเดอร์?
A3: วิธีที่ดีที่สุดคือการกำหนดกติกาให้ตัวเอง เช่น ยอมเสี่ยงต่อออเดอร์ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในบัญชี จากนั้นให้คำนวณย้อนกลับว่า ถ้าคุณกำหนดจุดหยุดขาดทุน (SL) ไว้ห่างจากจุดเข้า 30 เหรียญ คุณควรใช้ขนาดออเดอร์ (Lot Size) เท่าไหร่ที่ทำให้คุณเสียเงินไม่เกิน 1-2% นั้น วิธีนี้จะช่วยควบคุมอารมณ์ไม่ให้กดออเดอร์หนักเกินไป และทำให้พอร์ตของคุณอยู่รอดได้นานขึ้นในระยะยาว

Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.