จากคนที่ทำงานมีรายได้ 100k+ /เดือน อยู่ๆ ก็เจอคำพูดแทงใจจากหัวหน้าว่า “ไปพักก่อนดีไหม” หรือไม่ก็ “ลองหางานใหม่ดูนะ” เพราะผลงานไม่เข้าตา ชีวิตพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว กลายเป็นคนว่างงานในพริบตา โชคดีที่ยังมีเงินเก็บพอประคองตัวได้สักพัก เลยนั่งทบทวนว่าเราจะทำอะไรต่อได้บ้าง
ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ต้องตื่นเช้า ขับรถไปจอด ต่อ BTS แล้วลง MRT ทุกวัน ค่าเดินทางแต่ละเดือนเกือบหมื่น ไหนจะเจอมลพิษ ฝุ่นควัน แผ่นดินไหวแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอกลางเมือง และที่แย่สุดคือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เต็มไปด้วยความกดดันและสังคมที่เป็นพิษ (Toxic workplace) มันบั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเงียบๆ จนบางครั้งก็รู้สึกว่า “นี่เรากำลังใช้ชีวิต…หรือแค่เอาตัวรอดไปวันๆ”
หลักจากนั้นมาลองอีกหนึ่งอาชีพที่น้องที่ทำงานมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ และพี่สาวเพิ่งเข้าวงการมาสักพัก ผมเลยกระโดดเข้ามาลองเลย นั้นคือเทรดทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นเทรดเดอร์แบบ Full-time ไปด้วย
ข้อดีของการลาออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว:
- มีอิสระในการบริหารเวลาและชีวิต
- ไม่ต้องมีเจ้านายหรือระบบราชการมากดดัน
- รายได้ “อาจ” ไม่จำกัด ถ้าสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง
- ได้เรียนรู้การบริหารความเสี่ยง การควบคุมอารมณ์ และการวิเคราะห์เชิงลึก
ข้อเสียของการลาออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว:
- รายได้ไม่แน่นอน มีโอกาสขาดทุนสูง
- ต้องแบกรับความเครียดและความกดดันด้วยตัวเอง
- ไม่มีสวัสดิการหรือประกันใดๆ มารองรับ
- ต้องมีเงินทุนและการวางแผนการเงินที่ดี
“บางครั้งการเดินออกจากระบบที่มั่นคงที่สุด อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่โหดที่สุด — แต่ก็จริงที่สุด ว่ามันคือการลงทุนในตัวเองที่ไม่มีกราฟไหนวัดค่าได้”