101 Trade Mastery

101 Trade Mastery #EP1: CFD vs Forex แบบเข้าใจง่าย ต่างกันตรงไหน ค่าธรรมเนียมคิดยังไง และเริ่มแบบไม่พังพอร์ต

ถ้าเพิ่งเข้าวงการเทรด สิ่งแรกที่งงกันบ่อยคือ “CFD กับ Forex ต่างกันยังไง” บทความนี้สรุปให้ครบแบบภาษาคนธรรมดา ครอบคลุมความหมาย วิธีทำงาน ความเหมือน–ต่าง ค่าธรรมเนียม คำสำคัญที่ต้องรู้ ไปจนถึงตัวอย่างคำนวณและเช็กลิสต์เริ่มต้นแบบเซฟ ๆ เพื่อไม่ให้พอร์ตช็อกตั้งแต่สัปดาห์แรก

CFD คืออะไร (Contract for Difference)

CFD คือ “สัญญาซื้อขายส่วนต่างราคา” เป็นตราสารอนุพันธ์ที่ให้เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคา โดยไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง จุดเด่นคือเลือกอ้างอิงได้หลายอย่าง เช่น หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ–น้ำมัน ไปจนถึง Crypto พูดง่าย ๆ คือเราเข้าออเดอร์ตามมุมมองทิศทาง แล้วรับผลลัพธ์เป็น “ส่วนต่างราคาเข้า–ออก” ของสัญญา

  • การเป็นเจ้าของ: ไม่ได้ถือสินทรัพย์จริง
  • เวลาซื้อขาย: ขึ้นกับตลาดของสินทรัพย์อ้างอิงนั้น ๆ (เช่น หุ้นเปิด–ปิดตามตลาดหุ้น, ทองคำมีช่วงคึกเป็นพิเศษในโซนเวลาอเมริกา)
  • ค่าธรรมเนียมทั่วไป: สเปรด + ค่าคอมมิชชั่น/ไฟแนนซ์รายวัน (ถือข้ามคืนอาจมีต้นทุน)

Forex คืออะไร (Foreign Exchange Market)

Forex คือ “ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ” เทรดเป็น “คู่เงิน” เช่น EUR/USD, USD/JPY เป็นต้น เป้าคือเก็งกำไรจากการแกว่งของค่าเงินระหว่างสองสกุล

  • การเป็นเจ้าของ: ไม่ได้แลกเงินจริงมาเก็บไว้ เป็นสัญญาเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน
  • เวลาซื้อขาย: เปิดเกือบ 24 ชั่วโมง วันจันทร์–ศุกร์ (ตามรอบ Sydney–Tokyo–London–New York)
  • ค่าธรรมเนียมทั่วไป: สเปรด + อาจมีค่าคอมมิชชั่น + สว็อปข้ามคืน

สิ่งที่เหมือนกันในสองตลาด

  • เทรดผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์และแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น MetaTrader 4/5, cTrader, TradingView
  • ใช้เลเวอเรจ (Leverage) และมาร์จิ้น (Margin) เพื่อควบคุมสถานะที่ใหญ่กว่าทุนจริง
  • มีสเปรด (ส่วนต่าง Bid–Ask) ค่าคอมมิชชั่น (บางบัญชี) และสว็อป/ไฟแนนซ์เมื่อถือข้ามคืน
  • ตั้งคำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit ได้ ช่วยจัดการความเสี่ยงและล็อกกำไร
  • เปิดโอกาสให้เริ่มด้วยทุนไม่สูง แต่ต้องมีวินัย เพราะเลเวอเรจคือดาบสองคม

ความแตกต่างแบบสรุปสั้น

  • สินทรัพย์อ้างอิง:
    • CFD: หลากหลาย—หุ้น ดัชนี ทองคำ น้ำมัน Crypto
    • Forex: คู่เงินเท่านั้น
  • การเป็นเจ้าของ:
    • ทั้งคู่ไม่ถือครองสินทรัพย์/เงินตราจริง เป็นสัญญาเก็งกำไร
  • เวลาเทรด:
    • CFD: ตามเวลาตลาดของสินทรัพย์อ้างอิง
    • Forex: เกือบ 24 ชม. จันทร์–ศุกร์
  • ค่าธรรมเนียมหลัก:
    • CFD: สเปรด + คอมมิชชั่น/ไฟแนนซ์รายวัน (ขึ้นกับประเภทบัญชีและการถือข้ามคืน)
    • Forex: สเปรด + อาจมีคอมมิชชั่น + สว็อป (หากถือข้ามคืน)

คำสำคัญที่ต้องรู้ (จำให้แม่น ใช้จริงได้ทันที)

  • Leverage (เลเวอเรจ): อัตราทด เช่น 1:100 หมายถึงใช้มาร์จิ้น 1 ส่วน ควบคุมสถานะ 100 ส่วน ช่วยขยายโอกาสและความเสี่ยงพร้อมกัน
  • Margin (มาร์จิ้น): เงินค้ำประกันที่ถูกกันไว้เพื่อเปิดสถานะ หากมาร์จิ้นเหลือน้อยเกินไปอาจโดนปิดสถานะอัตโนมัติ (Margin Call/Stop Out)
  • Pip (พิป): หน่วยการเปลี่ยนแปลงราคาคู่เงิน ปกติทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (0.0001) ยกเว้นคู่ที่มี JPY มักอยู่ที่ตำแหน่งที่ 2 (0.01)
  • Spread (สเปรด): ส่วนต่างระหว่างราคา Bid กับ Ask ยิ่งแคบยิ่งดีสำหรับคนที่เข้า–ออกบ่อย
  • Swap/Financing (สว็อป/ไฟแนนซ์): ดอกเบี้ยสุทธิที่จ่าย/ได้รับเมื่อถือข้ามคืน (ขึ้นกับดอกเบี้ยสองฝั่งและประเภทสถานะ)
  • Lot (ลอต): ขนาดสัญญาใน Forex — 1 ลอตมาตรฐาน = 100,000 หน่วยของสกุลเงินฝั่งหน้า (Base Currency) นอกจากนี้มี Mini (0.1) และ Micro (0.01)

ตัวอย่างคำนวณให้เห็นภาพ

ตัวอย่าง 1: คำนวณมูลค่า Pip เบื้องต้น (คู่ EUR/USD)

  • ขนาด 1 ลอต = 100,000 EUR
  • มูลค่า 1 pip โดยคร่าว ๆ ≈ 10 USD ต่อ 1 ลอต (สำหรับคู่ที่ทศนิยม 4 ตำแหน่ง)
  • ถ้าเปิด 0.10 ลอต (mini) มูลค่า 1 pip ≈ 1 USD; ถ้า 0.01 ลอต (micro) ≈ 0.10 USD

ตัวอย่าง 2: มาร์จิ้นที่ต้องใช้ (Leverage 1:100)

  • ถ้าขนาดสถานะเทียบเท่า 10,000 หน่วย (0.10 ลอตของมาตรฐาน)
  • มูลค่าสถานะ = 10,000 หน่วย
  • มาร์จิ้นที่ต้องกันไว้ ≈ 10,000 / 100 = 100 หน่วยสกุลเงินบัญชี (คิดง่าย ๆ ให้เห็นแนวคิด)
    หมายเหตุ: ของจริงขึ้นกับสัญลักษณ์ สภาพคล่อง ราคา ณ ขณะนั้น และกติกาโบรกเกอร์

ตัวอย่าง 3: ต้นทุนข้ามคืน

  • ถือข้ามคืนอาจเกิดสว็อป/ไฟแนนซ์ หากเป็นลบคือจ่ายเพิ่ม หากเป็นบวกอาจได้รับเครดิต
  • วันพุธมักคิดคูณ 3 สำหรับ Forex (เพื่อครอบคลุมระยะเวลาชำระราคา T+2) — ตรวจในแพลตฟอร์มของคุณเสมอ

ค่าธรรมเนียม: รู้ก่อน เซฟพอร์ตได้เยอะ

  1. สเปรด: ยิ่งเข้า–ออกถี่ สเปรดยิ่งมีผล เลือกบัญชี/คู่เงินที่สเปรดเหมาะกับสไตล์
  2. คอมมิชชั่น: บางบัญชีสเปรดแคบมากแต่เก็บคอมมิชชั่นต่อปริมาณลอต รวมต้นทุนจริงก่อนตัดสินใจ
  3. สว็อป/ไฟแนนซ์: คนที่ถือข้ามคืน/ถือยาวต้องคำนวณส่วนนี้เสมอ สายสั้นอาจเลี่ยงต้นทุนนี้ได้
  4. สลิปเพจ/ค่าธรรมเนียมแฝง: ช่วงข่าวแรงอาจมีการไหลของราคา ตรวจประวัติการดำเนินการออเดอร์ในแพลตฟอร์ม

เลือกอะไรดี? (CFD หรือ Forex)

  • อยากกระจายตลาดหลากหลาย: ชอบดูหุ้น ดัชนี ทอง–น้ำมัน หรือ Crypto — CFD จะยืดหยุ่น
  • โฟกัสค่าเงินล้วน ๆ: อยากอยู่กับคู่เงินยอดนิยม สภาพคล่องสูง เวลาเทรดต่อเนื่อง — Forex ตอบโจทย์
  • สไตล์การเทรด: ถ้าชอบเทรดช่วงตลาดเปิดของสินทรัพย์นั้น ๆ เลือก CFD ตามเวลาได้ ถ้าชอบยืดหยุ่นเวลา เกือบ 24 ชม. วันทำการ — Forex สบายกว่า
  • ต้นทุนและเครื่องมือ: ดูประเภทบัญชี (Standard/Raw/ECN ฯลฯ) วัดผลสเปรด+คอมมิชชั่นจริง ๆ จากการใช้งาน ไม่ใช่ดูแค่ตัวเลขโฆษณา

เช็กลิสต์เริ่มต้นแบบไม่พังพอร์ต

  • กำหนดความเสี่ยงต่อออเดอร์ไม่เกิน X% ของพอร์ต (เช่น 0.5–1%)
  • ใช้ขนาดลอตที่สอดคล้องกับมาร์จิ้นและระยะ Stop-Loss จริง ไม่ใช่กะด้วยสายตา
  • ตั้ง Stop-Loss/Take-Profit ทุกครั้ง และรับให้ได้ก่อนกดเข้า
  • บันทึกเทรด: เวลา, เหตุผลเข้า, ระยะ SL/TP, ผลลัพธ์, สิ่งที่เรียนรู้
  • เทรดเฉพาะช่วงเวลาที่สเปรดสมเหตุสมผลสำหรับสไตล์ของเรา
  • ทดลองบนบัญชีเดโมเพื่อไล่ดูต้นทุนจริง (สเปรด/คอม/สว็อป) ก่อนย้ายไปบัญชีเงินจริง

เคล็ดลับจัดการเลเวอเรจ

  • เลเวอเรจสูงไม่ใช่ให้เปิดใหญ่ แต่ให้มี “ทางเลือก” ในการใช้มาร์จิ้นน้อยลงต่อออเดอร์
  • ยึดกติกา position sizing: คิดย้อนจากระยะ SL → มูลค่า pip → ขนาดลอตที่ทำให้ความเสี่ยง = X%
  • หลีกเลี่ยงโอเวอร์เทรด โดยเฉพาะช่วงข่าวแรง/ความผันผวนสุดขั้ว
  • ถ้าโดนลากบ่อย ให้ทบทวนว่ากำลัง “เล็งสั้นในกราฟยาว” หรือ “เล็งยาวในกราฟสั้น” อยู่หรือไม่

สรุปสั้นให้จำ

  1. CFD ครอบคลุมหลายสินทรัพย์ ยืดหยุ่นเรื่องธีมการเทรด แต่เวลาเทรดขึ้นกับตลาดอ้างอิง
  2. Forex โฟกัสคู่เงิน เทรดได้ยาวตลอดวันทำการ สภาพคล่องดี ค่าธรรมเนียมแข่งขันสูง
  3. ทั้งคู่ใช้เลเวอเรจ–มาร์จิ้นเหมือนกัน ต้องบริหารความเสี่ยง วัดผลด้วยข้อมูลจริง ไม่ใช่อารมณ์

FAQ: 1–3 Q&A

Q1: มือใหม่เริ่มจาก CFD หรือ Forex ดี?
A: ถ้าชอบหลากหลายธีมอย่างหุ้น ดัชนี ทอง–น้ำมัน หรือ Crypto เริ่มจาก CFD จะเลือกเล่นได้กว้าง แต่ถ้าชอบตลาดเปิดแทบทั้งวันทำการ สภาพคล่องสูง คู่เงินชัดเจน เริ่มจาก Forex จะโฟกัสง่ายกว่า ไม่ว่าทางไหน ให้เริ่มเล็ก ใช้เดโมทดสอบ วัดต้นทุนจริง และตั้งกติกาความเสี่ยงก่อนเสมอ

Q2: เลเวอเรจ 1:100 กับ 1:500 ต่างกันยังไงในชีวิตจริง?
A: ยิ่งเลเวอเรจสูง ยิ่งใช้มาร์จิ้นต่อสถานะน้อยลง เปิดออเดอร์ “ขนาดเท่าเดิม” ก็กันเงินไว้น้อยลง แต่ความเสี่ยงทางจิตวิทยาจะสูงขึ้นเพราะเผลอเปิดใหญ่เกินตัวได้ง่าย วิธีที่ถูกคือคำนวณขนาดลอตจากระยะ Stop-Loss ให้ความเสี่ยงต่อออเดอร์คงที่ ไม่ใช่เลือกจากเลเวอเรจล้วน ๆ

Q3: ต้องสนใจสว็อป/ไฟแนนซ์ไหมถ้าไม่ได้ถือยาว?
A: สายสั้นที่ปิดก่อนข้ามวันมักเจอต้นทุนสว็อปน้อยมาก แต่บางครั้งตลาดนิ่งจนเผลอถือยาวกว่าที่คิด จึงควรรู้เรตสว็อปของสัญลักษณ์ที่เทรดไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะวันคูณ 3 (Forex มักเป็นวันพุธ) และใส่ไว้ในเช็กลิสต์ก่อนเข้าออเดอร์ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ต้นทุนเงียบ ๆ มากัดกำไรรวมครับ

Leave a Reply