•
🔎 H1 (1 ชั่วโมง):ทองมี CHoCH ขาขึ้นชัดเจน พร้อมทะลุเส้น EMA และกำลังขึ้นมาทดสอบแนวต้านโซนเดิมแถวๆ 3,240 ดอลลาร์MACD + RSI ยังอยู่ฝั่งบวก แต่เริ่มเข้าเขต Overbought แล้ว มีโอกาสย่อลงได้เล็กน้อยถ้ายืนเหนือ 3,240 ได้ชัดๆ เทรนด์ขาขึ้นอาจไปต่อถึง 3,300+ 📉 H4 (4 ชั่วโมง):แนวโน้มโดยรวมยังเป็น Sideway ถึงขาลงอยู่เล็กน้อย เพราะยังอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยหลักกราฟเพิ่งเด้งจากแนวรับสำคัญแถว 3,150 และกำลังขึ้นมาชนโซนแนวต้านเดิมยังไม่มีการกลับตัวแบบยืนยัน (Confirmation) ต้องดูว่าฝั่งซื้อจะเอาชนะ Supply Zone บริเวณ 3,280 – 3,300 ได้ไหม 📰 ข่าวที่ส่งผลต่อราคาทอง: 📰 ข่าวล่าสุดที่หนุนราคาทองคำ: 📌 สรุป:ช่วงนี้ยังเป็น “จุดชี้ชะตา” ของทอง ถ้ายืนเหนือ 3,240 – 3,250 ได้ชัดเจน มีลุ้นเทรนด์ขาขึ้นรอบใหม่แต่ถ้าหลุดกลับต่ำกว่า…
•
ตั้งแต่ Google เปิดตัว AI Overviews เมื่อ พ.ค. 2024 หน้าผลการค้นหาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้เราไม่ได้เจอแค่ลิงก์ 10 สีน้ำเงิน แต่โดน “บอทสรุปคำตอบให้เลย” ยัดไว้บนสุด คนเลยอ่านจบตรงนั้นแล้วปิดแท็บดื้อ ๆ นี่แหละจุดเริ่มต้นของวิกฤต “ทราฟฟิกลดฮวบ”
•
จากคนที่ทำงานมีรายได้ 100k+ /เดือน อยู่ๆ ก็เจอคำพูดแทงใจจากหัวหน้าว่า “ไปพักก่อนดีไหม” หรือไม่ก็ “ลองหางานใหม่ดูนะ” เพราะผลงานไม่เข้าตา ชีวิตพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว กลายเป็นคนว่างงานในพริบตา โชคดีที่ยังมีเงินเก็บพอประคองตัวได้สักพัก เลยนั่งทบทวนว่าเราจะทำอะไรต่อได้บ้าง ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ต้องตื่นเช้า ขับรถไปจอด ต่อ BTS แล้วลง MRT ทุกวัน ค่าเดินทางแต่ละเดือนเกือบหมื่น ไหนจะเจอมลพิษ ฝุ่นควัน แผ่นดินไหวแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอกลางเมือง และที่แย่สุดคือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เต็มไปด้วยความกดดันและสังคมที่เป็นพิษ (Toxic workplace) มันบั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเงียบๆ จนบางครั้งก็รู้สึกว่า “นี่เรากำลังใช้ชีวิต…หรือแค่เอาตัวรอดไปวันๆ” หลักจากนั้นมาลองอีกหนึ่งอาชีพที่น้องที่ทำงานมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ และพี่สาวเพิ่งเข้าวงการมาสักพัก ผมเลยกระโดดเข้ามาลองเลย นั้นคือเทรดทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นเทรดเดอร์แบบ Full-time ไปด้วย ข้อดีของการลาออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว: ข้อเสียของการลาออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว: “บางครั้งการเดินออกจากระบบที่มั่นคงที่สุด อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่โหดที่สุด — แต่ก็จริงที่สุด ว่ามันคือการลงทุนในตัวเองที่ไม่มีกราฟไหนวัดค่าได้”
•
Google ปลุกคืนชีพ Tag Assistant เครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาดดิจิทัลและนักวิเคราะห์ข้อมูลที่หลายคนเคยใช้ในอดีต และตอนนี้กลับมาใหม่พร้อมฟีเจอร์สุดเจ๋งที่ช่วยให้การจัดการแท็กต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิม! ถ้าคุณเป็นสาย SEO, SEM, หรือแม้แต่คนที่ดูแลเว็บไซต์ คุณคงรู้จัก Tag Assistant ซึ่งเป็น Chrome Extension ที่ช่วยตรวจสอบว่าแท็กต่าง ๆ บนเว็บไซต์ เช่น Google Analytics, Google Tag Manager, หรือ Conversion Tracking ทำงานถูกต้องหรือไม่ Tag Assistant ใหม่นี้ดียังไง? ใครควรใช้ Tag Assistant? สำหรับใครที่อยากลองใช้งาน สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ Chrome Web Store! ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร เครื่องมือนี้จะช่วยให้การตรวจสอบแท็กต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายและประหยัดเวลาไปอีกเยอะ
•
Google Performance Max กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในวงการการตลาดออนไลน์อีกครั้ง หลังจากการอัปเดตกฎใหม่เกี่ยวกับการวาง Placement ที่ทำให้นักการตลาดหลายคนปวดหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการใช้งานผ่าน API ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการจัดการแคมเปญแบบอัตโนมัติ ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นคือการที่ Google ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือกฎการวาง Placement ของโฆษณาในแคมเปญ Performance Max นักการตลาดบางคนพบว่าโฆษณาถูกแสดงในพื้นที่ที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น เว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย หรือช่องทางที่มีคุณภาพต่ำ ทำให้เสียเงินโฆษณาไปโดยไม่เกิดประโยชน์ การใช้ API และข้อจำกัดที่ตามมาหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดความสับสนคือตัว API ที่ควบคุมแคมเปญ Performance Max โดยนักพัฒนาพบว่า API ไม่สามารถกำหนดเงื่อนไขการแสดงผลได้ละเอียดเพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อการควบคุม Placement ของโฆษณา ตัวอย่างเช่น นักการตลาดต้องการให้โฆษณาปรากฏเฉพาะในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตน แต่ API ของ Performance Max ไม่สามารถกรองเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ทำให้โฆษณาถูกแสดงในพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้อง ข้อแนะนำสำหรับนักการตลาด ผลกระทบต่อธุรกิจความสับสนในเรื่องนี้ทำให้นักการตลาดเสียเวลาและงบประมาณไปกับการแก้ปัญหา ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของแคมเปญ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางสูญเสียความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม Google Ads ในขณะที่ Performance Max ยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ…
•
ในยุคที่ AI กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักของโลกดิจิทัล หลายคนเริ่มเห็นความสำคัญของการปรับ SEO เพื่อให้สอดคล้องกับ AI โดยเฉพาะ Google AI ที่มีการแสดงผลผ่าน Overviews, chatbots, และ LLMs (Large Language Models) การทำให้เว็บไซต์ของเราปรากฏในผลการค้นหาของ AI นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ต้องอาศัยความเข้าใจลึกซึ้งในเทคโนโลยีนี้ Google AI กำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้ค้นหาข้อมูล ไม่ได้แค่ใช้ Keyword อีกต่อไป แต่มันต้องการข้อมูลที่มีคุณค่าและสามารถตอบโจทย์ได้อย่างละเอียด นี่เป็นโอกาสสำหรับทุกคนที่ทำ SEO ในการเพิ่มความสามารถให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเป็นที่รู้จักในโลก AI ได้ 1. ทำความเข้าใจ Google AI OverviewsGoogle AI ใช้ระบบที่เรียกว่า “Overviews” ในการแสดงผลลัพธ์การค้นหาแบบย่อที่ตรงจุดที่สุด คุณควรเน้นการให้ข้อมูลที่ตรงประเด็น ชัดเจน และครบถ้วนในแต่ละหน้าเว็บไซต์ หากเนื้อหาของคุณเป็นการตอบคำถามหรือให้ข้อมูลสำคัญได้ทันที โอกาสที่มันจะถูกใช้เป็น Overview ก็สูงขึ้น 2. เขียนคอนเทนต์ที่ Chatbots ชื่นชอบChatbots…
•
ในปีนี้ Google กำลังทำการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับโฆษณาบริการท้องถิ่น (Local Service Ads) ซึ่งถือเป็นข่าวใหญ่สำหรับผู้ที่ใช้ Google Business Profile เป็นประจำ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือผู้ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ การอัปเดตนี้อาจส่งผลกระทบต่อวิธีที่ลูกค้าเห็นและโต้ตอบกับธุรกิจของคุณ สิ่งที่น่าสนใจคือ Google จะรวมบริการ Local Service Ads เข้ากับ Google Business Profile อย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการที่ระบบรีวิวและคะแนนจะถูกนำมาใช้มากขึ้นในการแสดงผลโฆษณา เรียกได้ว่ารีวิวของลูกค้าจะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลสำคัญต่อการจัดอันดับโฆษณา ความเปลี่ยนแปลงหลักLocal Service Ads จะไม่เพียงแค่แสดงผลตามคำค้นหาของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังจะพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ (Trustworthiness), ระยะทางจากผู้ค้นหา และจำนวนรีวิวใน Google Business Profile ซึ่งหมายความว่าธุรกิจที่มีคะแนนรีวิวดีๆ จะได้รับโอกาสแสดงผลสูงกว่าคู่แข่ง สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่มี Google Business Profile หรือรีวิวน้อย คุณอาจต้องเริ่มให้ความสำคัญกับการขอรีวิวจากลูกค้าและปรับปรุงข้อมูลธุรกิจใน Profile ให้พร้อมต่อการแสดงผลที่ดีกว่าเดิม การอัปเดตข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น ที่ตั้ง,…