รอบนี้ Bitcoin ทำเอาหลายคนมึนตึ้บ เพราะเพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่แถว ๆ $126,000 เมื่อต้นเดือนตุลาคมเท่านั้น จากนั้นแค่เดือนกว่า ๆ ราคาก็รูดลงมาแตะบริเวณ $80,000–$86,000 หายไปเกือบ 30% ภายในเวลาอันสั้น จนภาพรวมปี 2025 ที่เคยสดใส กลายเป็นติดลบเล็กน้อยแทน (ตามรายงานของ New York Post ก็ยังต้องจับตา)
เบื้องหลังการร่วงครั้งนี้ไม่ได้มาจากเทคนิคอลอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ Sentiment ตลาดโลก ทั้งกระแส “ลดความเสี่ยง” (Risk-off) ของนักลงทุนรายใหญ่ ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ยังสูงค้างฟ้า และที่สำคัญคือเม็ดเงินที่ไหลออกจาก Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศโดยรวมเปลี่ยนเป็นโหมด “กลัวมากกว่ากล้า” (อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของ CoinDesk)
1. มองกราฟ 1D: ขาลงใหญ่ชัด ๆ พร้อม Death Cross เต็มตัว
กราฟรายวัน (1D) คือภาพใหญ่ที่เราต้องมองให้ชัดที่สุดในรอบนี้ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่หลุดโซน $100,000 ลงมา โครงสร้างราคาเปลี่ยนเป็น Lower High – Lower Low ต่อเนื่องอย่างสมบูรณ์แบบ และที่น่ากลัวคือมันเกิด Death Cross (เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 50 วัน ตัดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 200 วัน) เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหลังจากนั้นราคาก็ดิ่งลงไปอีกประมาณ 33% เหลือแถว $84,000–$86,000 (ข้อมูลจาก Investing.com คอนเฟิร์ม)
การที่ราคายืนอยู่ใต้เส้น EMA ทั้งระยะกลางและระยะยาวแบบนี้ แปลว่าแนวโน้มหลักของรอบนี้ยังเป็น “ขาลง” อยู่ชัดเจนมาก อินดี้อย่าง MACD บนไทม์เฟรมวันก็ยังติดลบ และแท่ง Histogram สีแดงยังยาวลงล่าง เป็นการบอกเราว่าแรงโมเมนตัมฝั่งลงยังกุมอำนาจตลาดไว้ แม้จะมีการเด้งแรง ๆ บ้าง แต่นั่นคือการ “รีบาวด์ในเทรนด์หมี” ไม่ใช่การกลับตัวจริงจัง
ส่วน RSI ถ้าเราตามดูจากหลายแหล่ง จะเห็นว่ามันลงมาอยู่แถว ๆ โซน 30–35 คือเริ่มเข้าเขต Oversold บ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นสุดโต่งที่จะเด้งกลับแบบ V-shape ในทันที ทำให้ภาพ 1D ตอนนี้คือ “ขาลงที่เริ่มจะเหนื่อย แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับตัวที่เชื่อถือได้” สำหรับสายเทรดระยะยาว การรอให้ RSI หลุด 30 ลงไป แล้วกลับขึ้นมา อาจเป็นสัญญาณที่น่าสนใจกว่า
2. กราฟ 4H: เริ่มเห็นฐานเล็ก ๆ แถว 80K–82K
ซูมเข้ามาที่กราฟ 4 ชั่วโมง (4H) เพื่อดูรายละเอียดระยะกลาง จะเห็นชัดเจนว่าหลังหลุด $90,000 ราคาได้ไหลลงแบบขั้นบันได ทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่อง จนมาหยุดที่โซน $80,000–$82,000 จากนั้นก็เริ่มมีแรงดีดกลับขึ้นมาตั้งฐานใหม่แถว $84,000–$86,000
อินดี้ MACD บน 4H ที่เคยแดงเถือก ก็เริ่มหดสั้นลง แล้วเปลี่ยนเป็นแท่งเขียวจิ๋ว ๆ โมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่อินดี้อื่น ๆ ที่เป็นตัววัดโมเมนตัมระยะสั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเขียวเช่นกัน แปลว่ามีแรงเก็งกำไรเข้ามากด “เก็บของ” ในช่วงที่คนกำลังกลัว ทำให้ราคามีแรงพยุง
โดยสรุป 4H เลยเป็นภาพของ “การดีดตัวในเทรนด์หมี” คือแนวโน้มหลักยังลง แต่ระยะกลางมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนก่อน เพื่อหาทิศทางใหม่ ถ้ามองในแง่จิตวิทยาตลาด นี่คือช่วงที่ “มือเล็ก” เริ่มอยากเสี่ยง “มือใหญ่” รอจังหวะปล่อยของ หรือรอรับเพิ่มที่ต่ำกว่าเดิม
3. กราฟ 1H: โหมด Sideway to Up ในกรอบจำกัด
มาดูกราฟ 1 ชั่วโมง (1H) ที่เหมาะกับสายเก็งกำไรเข้าเร็วออกเร็ว จะเห็นว่าหลังแตะจุดต่ำสุดแถว $82,000 ราคาได้ดีดกลับและแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ แถว $84,000–$86,000
MACD บน 1H พลิกขึ้นมาอยู่ฝั่งบวกเรียบร้อยแล้ว แท่ง Histogram เขียวต่อเนื่อง แสดงว่าโมเมนตัมระยะสั้นตอนนี้เอียงไปทางดีดขึ้นเล็กน้อย เพื่อพักฐานมากกว่าที่จะดิ่งลงต่อทันที ทำให้กรอบราคานี้เหมาะกับการ “ซิ่งสั้น” ในโซนแนวรับ–แนวต้านมากกว่าจะคาดหวังว่าเทรนด์ยาวจะเปลี่ยน
สรุป 3 ไทม์เฟรมรวมกันได้ว่า:
- 1D = ขาลงใหญ่ (Big Bear)
- 4H = รีบาวด์ในขาลง (Bearish Rebound)
- 1H = แกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัด (Limited Sideway Up)
ใครจะเล่นช่วงนี้ต้องแยกให้ชัดเจนก่อนว่ากำลังเล่น “ภาพใหญ่” เพื่อสะสม หรือ “เก็งกำไรระยะสั้น” เพื่อทำกำไรเป็นรอบ ๆ เพราะการใช้แผนผิดไทม์เฟรมมักจะทำให้พอร์ตพังได้ง่าย
4. แนวรับ–แนวต้านสำคัญ และโซน Fibonacci ที่ต้องรู้!
ถ้าเอาทั้ง 1D / 4H / 1H มาซ้อนกัน และใช้ Fibonacci Retracement จากยอดแถว $126,000 ลงมาถึงจุดต่ำสุดบริเวณ $80,000 จะได้โซนสำคัญที่ควรจำไว้ให้แม่น:
| ประเภทโซน | ราคา (USD) | ความหมายโดยย่อ |
| แนวรับ S1 | $82,000–$84,000 | ฐานที่เพิ่งเด้งขึ้นมาใน 4H / 1H ถ้าหลุดก็ไม่สวย |
| แนวรับ S2 | $80,000 | แนวรับจิตวิทยาใหญ่สุดรอบนี้ ถ้าพังก็เรื่องยาว |
| แนวรับ S3 | $74,000–$76,000 | เป้าลึกที่นักวิเคราะห์หลายเจ้ามองหลัง Death Cross (ตาม Finance Magnates) |
| แนวรับ S4 | $68,000–$69,000 | Fib 127.2% Extension เป้าลึกสุด ๆ ถ้าตลาดเกิด Panic Sell |
| แนวต้าน R1 | $89,000–$92,000 | ใกล้ Fib 23.6% เป็นการรีบาวด์ปกติหลังร่วงแรง |
| แนวต้าน R2 | $98,000–$100,000 | แถว Fib 38.2–50% และโซนพักตัวเดิม เป็นด่านหินมาก |
| แนวต้าน R3 | $103,000–$108,000 | ใกล้ Fib 61.8% + เส้นค่าเฉลี่ยใหญ่ ถ้ามาถึงนี่ได้ถือว่าเจ๋งมาก |
ในมุมมองเทคนิคอล ถ้า BTC เด้งขึ้นไปแล้วยืนเหนือ $92,000 ไม่ได้ ก็ยังถือว่าเป็นเพียงการดีดตัวในเทรนด์หมี และมีโอกาสถูกกดลงมาทดสอบ $80,000 อีกรอบ แต่ถ้าวันหนึ่งมันสามารถทะลุ $100,000 ขึ้นไปยืนได้อย่างแข็งแกร่งพร้อม Volume ดี ๆ โมเมนตัมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นโหมด “ซ่อมเทรนด์” หรือ “Sideway Up” แทน
5. ภาพข่าว: ETF ไหลออกหนัก – ตลาดคริปโตหายไปเป็นล้านล้านดอลล์
ฝั่งข่าวถือเป็นตัวเร่งสำคัญมากในรอบนี้ สำนักข่าวใหญ่ ๆ อย่าง CoinDesk, Cointelegraph และ Reuters รายงานตรงกันว่า U.S. Spot Bitcoin ETF เผชิญกับการไหลออกของเงินทุนที่หนักที่สุดตั้งแต่เปิดตัว โดยเฉพาะกอง iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock ที่โดนถอนเงินรวมกว่า $2,000–$2,400 ล้าน ในเดือนพฤศจิกายนเดือนเดียว และมีวันหนึ่งที่ไหลออกมากกว่า $500 ล้าน ในวันเดียวด้วยซ้ำไป (ข้อมูลจาก Reuters)
เม็ดเงินที่ไหลออกจาก ETF รวมทั้งหมดแตะราว $3,700–$3,800 ล้าน ในเดือนเดียว ทำให้หลายคนตีความว่า “นักลงทุนสถาบันกำลังลดความเสี่ยง” และมองว่า BTC ไม่ใช่ที่หลบภัยในช่วงนี้ (ตามรายงานของ Whale Alert)
ขณะเดียวกัน บทวิเคราะห์จาก Business Insider และสื่ออื่น ๆ ก็ระบุว่ามูลค่าตลาดคริปโตรวม ๆ หายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ส่วนหนึ่งมาจากการล้างพอร์ตที่มีการใช้ Leverage ครั้งใหญ่ (มีการ Liquidation วันเดียวกว่า $19,000–$30,000 ล้าน) และสภาพคล่องในตลาดที่บางลง ทำให้คำสั่งเทขายขนาดกลาง ๆ ก็ลากราคาลงได้แรงกว่าปกติมาก
ภาพรวมเลยกลายเป็นว่า BTC ช่วงนี้มีแรงกดดันพร้อมกันจากทั้งฝั่งเทคนิค (Death Cross, หลุดแนวรับสำคัญ) และฝั่ง Fund Flow (ETF ไหลออก, นักลงทุนใหญ่ถอนตัว) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เทรดเดอร์ต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ!
6. มุมมองกลยุทธ์แบบบ้าน ๆ: เน้นรอดก่อนรวย!
นี่คือหลักคิดง่าย ๆ สำหรับทุกคนในตลาดตอนนี้:
- ยอมรับก่อนว่าเรายังอยู่ในตลาดหมี: อย่าเพิ่งคาดหวังว่าจะเด้งกลับไปทำ ATH ใหม่ทันที การมองโลกสวยเกินไปทำให้เราพลาดการวางแผน Risk Management ที่ดี
- แยกภาพให้ชัดว่าเราเล่นไทม์เฟรมไหน:
- ถ้าใช้ 1H / 4H = เน้นเก็งกำไรในกรอบ $82,000–$88,000 ตั้งจุดเข้า–ออกสั้น ๆ ให้คมกริบ
- ถ้าใช้ 1D = โฟกัสแค่แนวรับใหญ่ (S2-S4: $80K / $76K / $70K / $68K) และค่อย ๆ วางแผนทยอย “เก็บของ” หรือปรับพอร์ตด้วยเงินเย็น
- อย่าลืมเรื่องขนาดไม้และ SL: ต่อให้มองแนวโน้มถูก แต่ถ้าใช้ขนาดสัญญาใหญ่เกินไป เงินอาจหายไปก่อนที่กราฟจะวิ่งตามแผนได้เสมอ “เงินต้องเหลือไว้รอจังหวะที่ใช่”
- ตามข่าวแต่ไม่ปล่อยให้ข่าวลากอารมณ์: ข่าว ETF ไหลออก, Death Cross, ข่าวสงคราม ทุกอย่างคือข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่คนกดปุ่มคือเราเองเสมอ
- ถ้าไม่ชัวร์…การอยู่เฉย ๆ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดี: ในช่วงที่ตลาดเหวี่ยงแรง การอยู่เฉย ๆ ทำการบ้าน วาดแผน เตรียมรับจังหวะที่ชัดกว่าบางครั้งช่วยเซฟเงินและสภาพจิตใจได้เยอะมาก เหมือนโค้ชที่รอเปลี่ยนตัวนักกีฬาเมื่อเกมเริ่มนิ่ง
7. สรุปสั้น ๆ ท้ายบท
ตอนนี้ BTC อยู่ในช่วงที่น่าสนใจแต่ก็โหดใช้ได้ ขาลงใหญ่ยังไม่จบ แต่ TF เล็กเริ่มมีสัญญาณรีบาวด์ ถ้าแนวรับ $80,000 ยังเอาอยู่ เกมจะกลายเป็น “ลงแล้วแกว่งออกข้าง” เพื่อรอปัจจัยใหม่ ๆ ตัดสินทางต่อไป แต่ถ้าวันใดหลุด $80,000 ชัด ๆ ตลาดอาจเริ่มคุยกันเรื่องโซน $70,000 และ $60,000 หนักขึ้น
ท้ายที่สุด ไม่ว่า BTC จะไปทางไหน สิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือ แผนของเราเอง
“ไม่เข้าเทรดบางไม้ ก็ถือว่าเป็นการเทรดเหมือนกัน”
เลือกจังหวะที่ตัวเองมั่นใจและรับผลลัพธ์ได้ แค่นั้นก็ชนะตัวเองได้แล้วครึ่งหนึ่ง!
FAQ
Q1: ช่วงนี้ BTC ถือว่าอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงกันแน่?
A: ถ้ามองจากกราฟรายวัน (1D) ตอนนี้ยังเป็น ขาลงชัดเจน ครับ ทั้งโครงสร้างราคาที่เป็น Lower High – Lower Low และการเกิด Death Cross ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดลงต่ำกว่า 200 วัน แปลว่าแนวโน้มหลักยังเป็นหมีเต็มตัว ส่วนที่เห็นเด้งใน 4H/1H เป็นแค่การ “ดีดตัวในเทรนด์ขาลง” เท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นการกลับตัวใหญ่ที่น่าไว้ใจครับ
Q2: ทำไมข่าว Bitcoin ETF ไหลออกถึงสำคัญกับราคา BTC มากนัก?
A: เพราะ ETF คือช่องทางหลักที่นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ใช้เข้าถึง BTC ครับ เมื่อมีการไหลออกหนัก ๆ หลายพันล้านดอลลาร์ภายในเดือนเดียว มันแสดงให้เห็นว่า เม็ดเงินฝั่งใหญ่กำลังลดความสนใจ ในสินทรัพย์นี้ ทำให้แรงกดดันฝั่งขายเพิ่มขึ้นมหาศาล และบรรยากาศตลาดโดยรวมจะกลายเป็นโหมดหลบความเสี่ยงทันที ซึ่งมันมักจะลากให้ราคาเหวี่ยงลงแรงกว่าปกติครับ
Q3: ถ้าเป็นมือใหม่ควรทำอย่างไรกับ BTC ในช่วงตลาดผันผวนแบบนี้ดี?
A: สิ่งแรกที่ต้องทำคืออย่ารีบตัดสินใจจากอารมณ์ครับ! อยากให้เริ่มจากการกำหนดเงินที่พร้อมจะเสียได้จริง ๆ ก่อน (เผื่อไว้ถ้าต้องเจอ $60K) จากนั้นค่อยเลือกว่าจะเป็น สายเก็งกำไรสั้น (ใช้ TF 1H/4H เน้นเข้าออกตามกรอบราคา) หรือ สายถือยาว (ทยอยสะสมที่แนวรับใหญ่ด้วยเงินเย็น) และไม่ว่าจะแนวไหน ต้องกำหนดจุดตัดขาดทุน (SL) ให้ชัดเจนเสมอ การอยู่รอดในตลาดให้ได้นานสำคัญที่สุดครับ

Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.