Search Engine Marketing (SEM) การตลาดออนไลน์

ทดสอบ AI Max บน Google Ads : เปิดสวิตช์ยังไงให้คุ้ม และกรณีไหนควรพักไว้ก่อน

AI Max คือฟีเจอร์ใหม่ในแคมเปญ Search ของ Google Ads ที่กูเกิลโฆษณาว่า “กดครั้งเดียวก็ได้พลัง AI เต็มสูบ” – ช่วยขยายคีย์เวิร์ดให้กว้างขึ้น สร้างโฆษณา–เลือกหน้าแลนดิ้งเพจให้อัตโนมัติ และปรับบิดดิ้งตามเป้าหมายแบบเรียลไทม์ ตอนนี้เปิดเบต้าให้ทุกบัญชีทั่วโลกตั้งแต่พฤษภาคม 2025 เป็นต้นมา กูเกิลอ้างว่าผู้ลงโฆษณาที่เปิด AI Max จะเห็นคอนเวอร์ชันเพิ่มเฉลี่ย 14 % โดยไม่ต้องเพิ่ม CPA/ROAS เลย ถ้าแคมเปญคุณยังเน้นคีย์เวิร์ด exact/phrase อยู่ การอัปเกรดอาจดันยอดได้สูงถึง 27 % เลยทีเดียว

AI Max ต่างจาก Performance Max ยังไง?

  • ไม่ใช่แคมเปญใหม่ แค่ติ๊กเปิดใน Search campaign เดิม ไม่มีการรวม Shopping/Display/YouTube แบบ P-Max
  • ยังดูรีพอร์ตตามกลุ่มโฆษณาได้ ใครรำคาญ “กล่องดำ” ของ P-Max จะเบาใจขึ้น
  • ปิดได้ตลอด ถ้าไม่เวิร์กก็ย้อนกลับมาทำ Search ปกติได้ทันที

ของที่ได้เมื่อเปิด AI Max

ฟีเจอร์ทำอะไรให้เราเปิด/ปิดได้
Search Term Matchingใช้ broad + keyword-less คาดเดาคำค้นใหม่ ๆ ให้แคมเปญและกลุ่มโฆษณา
Asset Optimizationสร้าง-ดัดแปลงพาดหัว คำโฆษณา CTA ให้ตรงเจตนาค้นหาเปิดเป็นดีฟอลต์
Final URL Expansionเลือกหน้าเว็บตรงใจยูสเซอร์ (และ block URL ที่ไม่อยากใช้ได้)เปิดเป็นดีฟอลต์

เคสจริงที่เวิร์ก

  • L’Oréal เปิด AI Max แล้วคอนเวอร์ชันพุ่ง 2 เท่า CPA ลด 31 % เพราะระบบไปจับคำค้นกว้าง ๆ อย่าง “what is the best cream for facial dark spots?” ให้เอง
  • MyConnect บริการยูทิลิตีในออสเตรเลีย ได้ลีดเพิ่ม 16 % ค่า CPA ลด 13 % แม้ก่อนหน้าใช้บิด ROAS + broad match อยู่แล้วก็ตาม

เมื่อไหร่ควร “ลอง”

  1. มีข้อมูลคอนเวอร์ชันแน่นพอ (>50 conversion/สัปดาห์) ให้ AI เรียนรู้
  2. ต้องการขยาย reach เร็ว โดยยังอยากเห็นรีพอร์ตแบบแคมเปญ Search
  3. พร้อมเทสต์-เรียนรู้ ตั้งงบแยก 20–30 % ของบัญชีมาหมุน และเปิดเป็น Draft & Experiment เทียบ A/B กันสัก 4 สัปดาห์
  4. ธุรกิจยืดหยุ่นเรื่องข้อความ ไม่ติด compliance จุกจิก เช่น e-commerce, SaaS, marketplace

แนะนำให้ “ลองก่อน” ถ้าอยากหา incremental lift จาก broad-match แต่ยังไม่อยากลุย P-Max เต็มตัว

เมื่อไหร่ควร “รอไว้ก่อน”

  • อุตสาหกรรมควบคุมเข้ม เช่น การแพทย์ การเงิน ประกัน ที่ข้อความโฆษณาต้องตรวจทุกคำ
  • ต้องการคุมคำค้นเป๊ะ ๆ เช่น แบรนด์กำลังรีแบรนด์และไม่อยากให้ขึ้นคีย์เวิร์ดเก่า
  • ข้อมูลยังน้อย แคมเปญใหม่ ยิงมายังไม่ถึง 30 conversion/สัปดาห์ อาจทำให้ AI เลือกคำค้นมั่วจนงบไหล
  • กังวลเรื่องกล่องดำ หลายแบรนด์ยังวิจารณ์ว่า AI-driven buying มีปัญหาโปร่งใส (transparency) และคอนโทรล – WSJ เรียกสิ่งนี้ว่า “black box media buying”

วิธีตั้งค่าเทสต์ AI Max แบบเสี่ยงต่ำ

  1. Duplicate แคมเปญ Search หลัก → ปรับชื่อเติม “-AIMax-Test”
  2. แชร์งบ 20 % จากต้นฉบับ หรือใช้ Budget Pacing แยกก็ได้
  3. เปิด Search Term Matching + Asset Optimization + Final URL Expansion ทั้งสามอย่างก่อน
  4. ตั้ง bid เป็น tCPA หรือ tROAS เท่าเดิม ห้ามปรับเยอะใน 14 วันแรกเพื่อให้ระบบเรียนรู้
  5. ตั้ง Target Locations / Brand Inclusion หรือ Exclusion ล่วงหน้า ลดความเสี่ยงโฆษณาไปโผล่คำที่ไม่ต้องการ
  6. รัน 28 วัน → เทียบ KPI: CPA, Conv%, Search Terms new vs. overlap, Impression Share

ทริกเพิ่มประสิทธิภาพหลังเปิด

  • ใช้ Location of Interest เจาะภูมิภาค/จังหวัดที่เป็นลูกค้าศักยภาพ (ตั้งได้ระดับ Ad Group)
  • ใช้ Brand Controls บล็อกคีย์เวิร์ดคู่แข่งที่ไม่อยากให้เสิร์ชเจอ หรือเจาะเฉพาะแบรนด์เราเท่านั้น
  • ตัด URL ไม่เกี่ยวข้องผ่าน URL Exclusion ช่วยลดค่าเสียโอกาส

สรุป

AI Max คืออีกก้าวที่ Google Ads ดันระบบออโตฯ ให้สุดทาง ถ้าคุณพร้อมแชร์ data ให้ AI เรียนรู้และยอมเสียบังเหียนบางส่วน แลกกับคอนเวอร์ชันที่มากขึ้นและรีพอร์ตกว้างกว่าเดิม การเทสต์ทีละแคมเปญคือวิธีเช็กความคุ้มก่อนจะสวิตช์ทั้งบัญชี แต่ถ้ายังต้องคุมทุกตัวอักษรหรือแคมเปญยังใหม่ รอให้ข้อมูลหนาก่อนแล้วค่อยเปิดก็ไม่สาย สุดท้ายแล้ว “AI ไม่ใช่เวทมนตร์” – ทีมโฆษณายังต้องเข้าไปขุดเทรนด์ คัดคีย์เวิร์ด ลบ URL ขยะ และปรับครีเอทีฟเสริมอยู่ดี เพียงแต่ตอนนี้เรามีผู้ช่วยอัตโนมัติที่ฉลาดขึ้นเยอะ เท่านั้นเอง! 🚀