ช่วงนี้ใครเปิดกราฟทองคำ XAUUSD น่าจะเห็นภาพเดียวกันหมด คือราคาวิ่งไต่ระดับขึ้นมา “ยืนระยะ” เหนือโซน 4,200 ได้แบบมั่นคงสุด ๆ แล้วตอนนี้กำลังมาทดสอบแนวต้านแถว ๆ 4,260 ซึ่งถือเป็นจุดแตกหักที่สำคัญของรอบนี้เลยก็ว่าได้ ว่าแรงฝั่งกระทิงจะสามารถดันทะลุเพดานนี้ไปต่อได้ไหม หรือหมีจะกลับมาขอพื้นที่คืนสักรอบเพื่อพาให้ราคาย่อตัวลงมาพักฐาน
เจาะลึกกันทีละ Timeframe ทั้ง 1D, 4H, 1H พร้อมสรุปแนวรับ–แนวต้านที่ต้องจับตา อิงจากเครื่องมือเทคนิคยอดฮิตอย่าง EMA, RSI, MACD และเติมมุมมองข่าวเศรษฐกิจ US กับสถานการณ์โลกเข้าไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมดว่าทองกำลังบอกอะไรกับเราบ้าง
1. ภาพใหญ่กราฟ 1D – เทรนด์หลักยังไงก็ขาขึ้น!
บนกราฟ Day เราจะเห็นเลยว่าทองคำดีดขึ้นแบบมีสเต็ปเหมือนเดินขึ้นบันไดจากโซนประมาณ 3,300 ขึ้นมาหา 4,400 มีการทำ Higher High และ Higher Low อย่างชัดเจน การพักตัวที่ผ่านมาก็แค่ย่อลงแล้วไปต่อ ยังไม่เจอสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลงใหญ่เลย
จุดที่ต้องส่องบน 1D
- แท่งเขียวชุดใหญ่: แสดงให้เห็นถึงพลังของฝั่งกระทิงที่แข็งแกร่งมาก่อนหน้านี้
- EMA: เส้น EMA หลายเส้นเรียงตัวอยู่ใต้ราคา เป็นการยืนยันภาพเทรนด์ขาขึ้นแบบเต็มสูบ
- MACD: ยังยืนอยู่เหนือเส้น 0 และกำลังเริ่มโค้งตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากการพักฐาน
- RSI: ยืนเหนือ 50 และเริ่มเข้าสู่โซน 60–70 บอกว่าตลาดยังเอนเอียงไปทางทองอย่างชัดเจน แต่ก็เริ่มเข้าสู่โซนที่ “ร้อนแรง” มากขึ้นเรื่อย ๆ
สรุปภาพใหญ่: เทรนด์หลักยังเป็น “Uptrend” ระยะกลางถึงยาว แต่โซนปัจจุบันแถว 4,240–4,260 ถือเป็นด่านทดสอบที่ราคาต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่ามีพลังมากพอที่จะไปทดสอบ High เดิมแถว 4,400 อีกรอบหรือไม่
2. กราฟ 4H – ขั้นบันไดสวย ๆ พร้อม Pivot Zone ชัดเจน
พอย่อลงมาดูที่กราฟ 4H จะเห็นว่าราคาค่อย ๆ ไต่ขึ้นแบบมีวินัย ทำ Higher Low ต่อเนื่องกันมาเรื่อย ๆ แท่งเขียวชุดล่าสุดดันราคาพุ่งจากโซน 4,100 ขึ้นมาจ่อ 4,260 แล้ว
สิ่งที่เห็นจาก 4H
- EMA: ยังทำหน้าที่เป็นแนวรับชั้นดีรองรับราคาอยู่ด้านล่าง
- MACD: ค่าเป็นบวกและเส้น MACD ตัดเหนือเส้นสัญญาณ ซึ่งแสดงว่าโมเมนตัมยังเป็นฝั่งขาขึ้น
- Volume: ช่วงที่ราคาดีดขึ้นเริ่มหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย แปลว่ามีเม็ดเงินเข้ามาเสริมในรอบนี้
Pivot Zone สำคัญบน 4H คือ 4,240–4,260
- ถ้าปิดแท่ง 4H เหนือ 4,260 แบบชนะขาด: ภาพจะกลายเป็น Breakout ที่เปิดทางให้ทองไปหาโซน 4,320–4,340 ได้ไม่ยาก
- แต่ถ้าขึ้นไปแล้วเจอแรงขายหนัก ๆ: โดนตบด้วยแท่งแดงยาว หรือทิ้งไส้ด้านบนยาว ๆ ก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นสัญญาณพักตัว แล้วย่อลงไปหาแนวรับด้านล่างแทน
3. กราฟ 1H – จับจังหวะสั้น ๆ ของสายเก็งกำไร
บน 1H จะให้รายละเอียดแบบรายชั่วโมง เราจะเห็นภาพการวิ่งขึ้นมาค่อนข้างต่อเนื่องจาก 4,100 แต่พอมาถึงแถว 4,250–4,260 ก็เริ่มเห็นการชะลอตัวลงเล็กน้อย แรงวิ่งไม่แรงเท่าช่วงแรก ๆ
- MACD ยังอยู่เหนือ 0 แต่ Histogram เริ่มหดสั้นลง แปลว่าแรงต่าง ๆ เริ่มใกล้สมดุล (Balance) กันมากขึ้น
- สำหรับสายเข้า–ออกเร็ว 1H คือ Timeframe ที่ใช้จับสัญญาณกลับตัวหรือเบรกโซนได้ดี
- ถ้าระบบแจ้งเตือน: มีแท่งกลับตัวแรง ๆ เช่น Shooting star หรือ Bearish engulfing แถว 4,260 อาจตีความว่า “ของเริ่มแน่น” แล้ว มีสิทธิ์ย่อลงมาพักฐาน
- แต่ถ้าปิดเขียวทะลุ 4,260 เนียน ๆ: แล้วย่อกลับมารีเทสต์แล้วยืนได้ ก็เป็นสัญญาณสวยงามของการไปต่อในรอบขาขึ้น
4. แนวรับ–แนวต้านสำคัญที่ควรรู้ (รวมสาม TF)
แนวต้าน (Resistance)
- R1: 4,260–4,280: คือ High ล่าสุดและเป็นเส้นแบ่งฝั่งกระทิง/หมีของรอบนี้
- R2: 4,320–4,340: เป็นโซนเป้าหมายถัดไป ถ้าเบรก R1 ได้สำเร็จ
- R3: 4,400–4,450: High ใหญ่บนกราฟ 1D ถ้าทะลุได้คือการยืนยันเทรนด์ระยะยาวอย่างเป็นทางการ
แนวรับ (Support)
- S1: 4,200–4,210: ฐานย่อยที่ราคาพักก่อนดีดขึ้นล่าสุด เป็นแนวรับแรกที่เหมาะกับการลุ้นเด้งสั้น ๆ
- S2: 4,160–4,170: ใกล้ Fibo 38.2% ของ Swing ขึ้นรอบนี้ เป็นแนวรับกลางที่สำคัญมาก
- S3: 4,100–4,130: ฐานใหญ่ของรอบนี้ หากย่อลงมาถึงได้จะเป็นโซนที่สายสะสมระยะกลางรอรับอยู่เยอะ
5. เบื้องหลังข่าว US และสถานการณ์โลกที่สนับสนุนทอง
ราคาทองคำไม่ได้ขึ้นแค่เพราะกราฟ แต่มีเรื่องเล่าจากหลังบ้านทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกมาเสริมด้วย
- ทิศทาง Fed: ตลาดเริ่มเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กำลังเข้าสู่โหมด “พร้อมลดดอกเบี้ย” เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ (USD) อ่อนค่าลงเรื่อย ๆ ซึ่งทองคำเลยกลายเป็นทางเลือกในการเก็บมูลค่าที่น่าสนใจ
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ: ตัวเลขหลายชุดออกมาแบบ “ไม่ดีเกินคาด” คือไม่แรงจนเฟดต้องรีบกลับมาคุมเข้มเงินเฟ้อ ทำให้ทองได้อานิสงส์จากช่วงที่ดอลลาร์ไม่แข็งค่า
- ความไม่แน่นอนของโลก: สถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งที่ตะวันออกกลางและในยุโรปยังคงมีอยู่ ความไม่แน่นอนเหล่านี้มักทำให้เม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลเข้าไป “หลบภัย” ในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
- ระวังช่วงข่าว: ช่วงที่มีการประกาศตัวเลขใหญ่ของ US เช่น ISM, ADP, PCE หรือการแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่เฟด ราคาทองมักจะเหวี่ยงแรงเป็นพิเศษ ใครที่ชอบเล่นช่วงนี้จึงต้องระวังและควบคุมขนาดล็อตเป็นพิเศษ
6. มุมมองกลยุทธ์ส่วนตัวแบบ Friendly
นี่คือไอเดียกว้าง ๆ สำหรับการวางแผนต่อยอดด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำแนะนำให้ทำตามเป๊ะ ๆ นะครับ
สำหรับคนที่มองว่าต้องไปต่อ (สายกระทิง)
- รอยืนยัน: รอดูว่าราคาจะ “ยืนเหนือ 4,260” ได้แบบเนียน ๆ ไหม ถ้ายืนได้สวยและรีเทสต์ไม่หลุด ก็อาจมอง 4,320–4,340 เป็นเป้าหมาย
- รอเก็บ: ถ้าไม่กล้าไล่ราคา ลองเลือก “รอให้ย่อกลับ S1 หรือ S2 ก่อน” แล้วค่อยวางแผนเข้า จะช่วยให้ Risk-Reward Ratio (RR) ดูดีขึ้นมาก
สำหรับคนเน้นเล่นสั้น/กรอบ (สายสวิง)
- จุดชั่งใจ: โซน 4,260 คือจุดวัดใจ ถ้าเจอแท่งกลับตัวลงแรง ๆ อาจมองเป็นโอกาสเก็บกำไรสั้น ๆ กลับลงมาแถว 4,200–4,160
- สำคัญที่สุด: เพราะเทรนด์ใหญ่ยังเป็นขาขึ้น การเล่นฝั่งลงจึงต้องเน้นวินัยในการ ตัดขาดทุน (Stop Loss) ให้แน่น ห้ามถือสวนเทรนด์ไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่ควรจำไว้ไม่ว่ามองทางไหน
- กำหนดความเสี่ยง: เสี่ยงต่อไม้ไม่เกิน 1–2% ของพอร์ตเสมอ
- มี SL: ทุกโพซิชั่นต้องมีจุดยอมแพ้ (Stop Loss) ชัดเจน
- Mindset: ระยะสั้นเราอาจจะพลาดได้หลายครั้ง แต่ถ้า “แพ้แล้วแพ้เบา ๆ ชนะแล้วปล่อยกำไรโตได้” กราฟพอร์ตของคุณจะเติบโตได้เอง
7. คำคมเล็ก ๆ ทิ้งท้ายให้คิด
“เราไม่ต้องเดาอนาคตทองให้ถูกทุกครั้ง แค่จัดการตอนที่เราผิดให้ดี พอร์ตจะขอบคุณเราเอง”
“กราฟคือภาษาของตลาด ถ้าอ่านไม่ออกให้ฝึกเพิ่ม ถ้าอ่านออกแล้ว…อย่าลืมฝึกคุมอารมณ์ตัวเองด้วย”
FAQ: 3 คำถามยอดฮิตเรื่องทองรอบนี้
Q1: ตอนนี้ทองถือว่าแพงไปแล้วหรือยัง?
A: ถ้ามองจากกราฟ 1D ราคาปัจจุบันอยู่ใกล้โซนแนวต้านใหญ่จริง แต่เทรนด์หลักยังเป็นขาขึ้น ดังนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการวางแผนการเทรด เช่น เข้าโซนไหน วางจุดตัดขาดทุนอย่างไร ถ้าวาง Risk-Reward Ratio (RR) ดี ต่อให้ราคาจะขึ้นต่อหรือพักก็ยังอยู่ในเกมได้
Q2: เวลาไหนที่กราฟทองเหวี่ยงแรงเป็นพิเศษ?
A: ส่วนใหญ่จะตรงกับช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น PMI, ADP, NFP, PCE หรือช่วงมีถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่ Fed เวลาตามไทยมักอยู่ราวค่ำถึงดึก ใครที่ชอบเทรดช่วงนี้ควรลดขนาดล็อต หรือเลี่ยงการเข้าสถานะใหม่ในจังหวะที่ตัวเลขกำลังออก
Q3: ถ้าเป็นมือใหม่ ควรโฟกัส Timeframe (TF) ไหนก่อน?
A: แนะนำให้เริ่มจาก 1D เพื่อดูเทรนด์ใหญ่ก่อนว่าตลาดกำลังเล่าเรื่องอะไร จากนั้นค่อยลดลงมา 4H เพื่อมองโครงสร้างรอบกลาง แล้วค่อยใช้ 1H เพื่อหา “จุดเข้า–ออก” ที่ละเอียดขึ้น วิธีนี้จะช่วยไม่ให้หลงกับความผันผวนระยะสั้น (Noise) มากเกินไป

Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.